ไปรษณีย์ไทย เปิดกลยุทธ์ ESG+E ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ในปี 2573 ตั้งเป้าผู้นำเทรนด์ ธุรกิจขนส่งยั่งยืน

กองบรรณาธิการ

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เผยว่า ไปรษณีย์ไทยมีแผนการลงทุน และกลยุทธ์เพื่อสร้างความยั่งยืนในธุรกิจขนส่งของไปรษณีย์ไทย ตามวิสัยทัศน์ใหม่คือ ส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ : Delivering Sustainable Growth Through Postal Network โดยได้ตั้งเป้าหมายความยั่งยืนตามกลยุทธ์ ESG+E เพื่อใช้ขับเคลื่อนการดำเนินงานในปี 2567-2571 ผ่านแนวทาง 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment : E)  โดยพัฒนาระบบงานไปรษณีย์ให้เป็นระบบประหยัดพลังงานและคาดว่าจะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 30% ภายในปี 2573 เพิ่มการจัดการขยะที่เกิดขึ้นในธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น กล่อง ซอง พลาสติกกันกระแทกเพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำ และอยู่ระหว่างการศึกษาการใช้พลังงานจากก๊าซไฮโดรเจนในรถยนต์ขนส่ง รวมทั้งพลังงานหมุนเวียน และพลังงานทางเลือกกับพันธมิตร 
ด้านสังคม (Social : S)  สนับสนุนช่องทางการกระจายสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน สินค้าอุปโภค บริโภค ซึ่งเป็นสินค้าตัวท็อปจากทั่วประเทศมาจำหน่ายและส่งตรงถึงผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์ม Thailandpostmart และไปรษณีย์ทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2560 ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกรแล้วกว่า 1,700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการ ไปรษณีย์เชื่อมสุข สนับสนุนผู้ประกอบการชุมชนต่อยอดภูมิปัญญา พัฒนาสินค้าท้องถิ่นให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน จำหน่ายผ่านไปรษณีย์ทั่วประเทศและเว็บไซต์ Thailandpostmart โดยตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบันสามารถสร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชนรวมกว่า 33 ล้านบาท รวม 17 จังหวัด 23 พื้นที่

ด้านการกำกับดูแลกิจการ (Governance : G) มุ่งเน้นการบริหารงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมถึงการดูแลผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเป็นธรรม รักษาและปกป้องข้อมูลความเป็นส่วนตัวของลูกค้า 

ด้านเศรษฐกิจ (Economy : E) มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ (New S-Curve) เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่องค์กร และชีวิตดิจิทัลที่มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยการขับเคลื่อนผ่านโครงการสำคัญ เช่น Postman Cloud ให้บริการกับลูกค้า พันธมิตรที่มีความต้องการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย (Postman Networking) หรือบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คนทั่วประเทศ Prompt Post บริการด้านการจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร และ Digital Post ID การปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่แบบเดิม ให้เป็นที่อยู่ดิจิทัล (Digital Address) รวมถึงการจัดส่งสิ่งของในรูปแบบจ่าหน้า QR CODE เป็นต้น 

สำหรับในระยะเร่งด่วนนี้ ไปรษณีย์ไทยได้เร่งปรับปรุงระบบงานไปรษณีย์ให้เป็นระบบประหยัดพลังงานตั้งแต่กระบวนการรับฝากจนถึงการนำจ่าย เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้ จากการปรับปรุงระบบงานนำจ่ายให้เป็นแบบรวมทุกบริการเพื่อลดการทับซ้อนของเส้นทางนำจ่าย และการปรับรวมสายขนส่งไปรษณีย์ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงได้มากกว่า 35% นอกจากนี้มีการติดตั้งหลังคาโซลาเซลล์ มีการนำรถ อีวี มาใช้ในปีนี้ 250 คันและจะดำเนินการต่อเนื่อง 5 ปี รวมทั้งหมดมากกว่า 1,000 คัน

ดร.วราภรณ์ ข้องเกี่ยวพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์และการขับเคลื่อนองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยได้ขับเคลื่อนความยั่งยืนในมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ reBOX มาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน สามารถส่งคืนกล่องและซองกระดาษที่ไม่ใช้แล้วรวมกว่า 530,000 กิโลกรัมเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธีโดย บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด(มหาชน) หรือ SCGP และในปี 2566 ไปรษณีย์ไทยสามารถรวบรวมกล่องและซองกระดาษจากทุกภาคส่วนได้มากกว่า 137,000 กิโลกรัม นำกล่องและซองกระดาษไปรีไซเคิลภายใต้แนวคิด กล่องรักที่สัมผัสได้ซึ่งเป็นสิ่งของจำเป็นเพื่อผู้พิการ มอบให้ 4 หน่วยงาน ได้แก่ มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สมาคมประชาคมคนตาบอดไทย และสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย โดยจากกระบวนการรีไซเคิลดังกล่าวช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 776.44 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และจากความสำเร็จดังกล่าวไปรษณีย์ไทยและหน่วยงานพันธมิตร 68 องค์กรจากภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา ที่ร่วมส่งกล่อง/ซองที่ไม่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้งตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อีกทั้งยังเป็นต้นแบบให้กับองค์กรอื่น ๆ ในการเข้ามามีส่วนร่วมสร้างเครือข่ายการเติบโตที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย ตลอดจนเป็นการสร้างเส้นทางการเดินทางของกระดาษเหลือใช้จากเดิมที่เป็นเพียงการซื้อขาย การกำจัดที่ยังไม่ถูกวิธี ให้มีความสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น 

ในปี 2567 นี้ ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าหมายในการขับเคลื่อนความยั่งยืน ผ่านการรวบรวมกล่องและซองกระดาษจากทุกภาคส่วน ประมาณ 150,000 กิโลกรัม และยังเตรียมจุดรับบริจาคกล่องซองจดหมาย พลาสติก และอลูมิเนียมที่ ไปรษณีย์ 1,300 จุดทั่วประเทศ 

ดร.วราภรณ์ กล่าวต่อว่า ไปรษณีย์ไทยยังมุ่งเป็นศูนย์กลางในด้านการจัดการขยะหลากประเภทภายใต้โครงการ Green Hub ที่จะร่วมกับภาคีเครือข่ายร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม และใช้พื้นที่ของที่ทำการไปรษณีย์ตั้งจุดรับรวบรวมวัสดุประเภทต่าง ๆ นำเข้าสู่กระบวนการจัดการ/ แปรรูปได้อย่างถูกต้องและมีประโยชน์ โดยประกอบด้วยแคมเปญ reBOX ที่เป็นโครงการสร้างคุณค่าและมูลค่าจากกล่องซอง โครงการ e-Waste ร่วมกับ AIS รับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช้แล้ว ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ รับบริจาคอะลูมิเนียมเพื่อจัดทำขาเทียมพระราชทาน โครงการ “วน” ที่รับพลาสติกยืด เช่น ซองพลาสติกไปรษณีย์ ถุงพลาสติกหูหิ้ว จาก บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด หรือ (TPBI) เพื่อเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในธุรกิจไปรษณีย์ เช่น พาเลทผลไม้ การดำเนินโครงการ “GC YOUเทิร์น” ที่เปิดรับพลาสติกใส (PET) และพลาสติกขุ่น (HDPE) เช่น ขวดน้ำดื่ม แกลลอนนม จากบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนพลาสติกใช้แล้วเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในธุรกิจไปรษณีย์ และเสื้อผ้าอัพไซเคิลเพื่อประโยชน์แก่สังคมต่อไป และมีเป้าหมายที่จพัฒนาองค์กรให้ได้รับคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ. หน่วยงานภาครัฐ (ITA) มากกว่า 95 คะแนนในปี 2567 

ดร.ดนันท์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยได้ตั้งเป้าหมายสร้างความยั่งยืนในระยะยาว โดยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ.2593 ตามเป้าหมายระยะยาวของไทย ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ ภายในปี 2608

“ในการดำเนินธุรกิจของไปรษณีย์ไทยเองถ้าเรามองว่าคอร์บิซิเนสของเราคือขนส่ง มันกลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะเป็นคนที่ปล่อยคาร์บอนอิมิชั่น ที่เยอะมาก เพราะว่าระบบขนส่งโลจิสติกส์ ครอบคลุมทั่วประเทศ มีการวิ่งขนส่งวันนึงหลายล้านกิโลเมตร วิ่งที่เราให้ความสำคัญ คือทำอย่างไรที่เราจะสามารถลดสิ่งพวกนี้ลงได้ ทำอย่างไรที่จะสามารถทำให้ พวก Waste จ่างๆที่เกิดขึ้นในระบบขนส่งโลจิสติกส์ สามารถที่จะนำกลับมารีไซเคิลเพื่อทำให้เกิด Circular economy มาใช้ใหม่ลดการสูญเสีย ลดคาร์บอนอิมิชั่นลงไปได้ เป็นสิ่งที่เราบริหารจัดการกันมาตลอด ปัจจุบันไปรษณีย์ไทยมีบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คนทั่วประเทศ ปีที่ผ่านมาเรามีการปรับระบบขนส่งใน Last-mile ด้วยการรวม Last-mile หลายๆส่วนเข้าด้วยกัน เราสามารถลดระยะวิ่งได้วันนึงไม่ต่ำกว่า 1 แสนกิโลสามารถลดปริมาณคาร์บอนที่เกิดขึ้นได้ 3-4 % สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงลงได้ 30%ในวันนี้ไปรษณีย์ไทย เราไม่ได้มองแค่ว่าเป็นผู้ใช้พลังงาน เรามองถึงโอกาสทางธุรกิจที่เราจะลงทุนในธุรกิจต้นน้ำของพลังงานสะอาดพวกนี้ด้วย”  ดร.ดนันท์ กล่าว

#ไปรษณีย์ไทย #ThaiSMEs

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share