Thailand Privilege Card โชว์ผลงานปี 66 ดันยอดสมาชิกโต 11,846 ราย พร้อมเปิดกลยุทธ์ดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ อินเดีย พม่า

กองบรรณาธิการ

ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (Thailand Privilege Card) ผู้ดำเนินโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ ภายใต้การกำกับดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้ศักยภาพประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความเชื่อมั่นจากชาวต่างชาติในด้านต่าง ๆ การันตีด้วยการจัดอันดับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกและยังเป็นหนึ่งใน Top of Mind Destination ด้วยปัจจัยสนับสนุน อาทิ การเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอกาสทางการลงทุน การเป็นศูนย์กลางสำคัญด้านสาธารณสุขและภาคการบริการ รวมถึงการมีชื่อเสียงด้านอาหาร ที่ประเทศไทยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นครัวโลก รวมถึงความปลอดภัยในการอยู่อาศัย และที่สำคัญคือการบริการและเสน่ห์ของความเป็นไทย ทำให้ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดสูงสุดในรอบ 20 ปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านเอกสิทธิ์ทางด้านวีซ่าพำนักระยะยาว

นายมนาเทศ อันนวัฒน์ เพรสซิเดนท์ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานของไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ประจำปีงบประมาณ 2566 มียอดสมาชิกที่เพิ่มขึ้นกว่า 11,846 ราย คิดเป็นอัตรา 108% ช่วยสร้างรายได้และกระตุ้นเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า 38,000 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพและโอกาสการเติบของธุรกิจ ตลอดจนสะท้อนภาพการเป็นองค์กรที่มีบทบาทในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในปีที่ผ่านมา ทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ในการเป็นเอกสิทธิ์ทางด้านวีซ่าพำนักระยะยาวระดับโลก ที่มอบสิทธิพิเศษในทุกมิติ ตอบโจทย์สมาชิกอย่างครอบคลุม ภายใต้ 3 พันธกิจหลักที่ทำให้ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ต่างจากคู่แข่งอื่นๆ คือ 1) การเป็นผู้ให้บริการวีซ่าระยะยาวสูงสุด 20 ปีขึ้นไปแก่ชาวต่างชาติที่ต้องการพำนักในประเทศไทย 2) การให้บริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่สนามบินหลักของประเทศ 3) การให้บริการสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของสมาชิก อาทิ สิทธิประโยชน์ทางด้านที่พัก การเดินทาง สันทนาการ การดูแลสุขภาพ และการสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน พร้อมฉายภาพความสำเร็จหลังจากปรับโฉมองค์กรด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์บัตร Thailand Privilege Card 4 แพคเกจใหม่ในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มียอดสมาชิกในปี 2566 รวมทั้งสิ้น 31,231 ราย โดยมีกลุ่มสัญชาติสมาชิก 5 อันดับแรก คือ จีน มีสัดส่วนที่ 45% ตามมาด้วยญี่ปุ่น มีสัดส่วนที่ 7% สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนที่ 5% อังกฤษ มีสัดส่วนที่ 5% และรัสเซีย มีสัดส่วนผู้ถือบัตรที่ 4% นอกจากนี้ยังมีสมาชิกต่ออายุและอัพเกทที่สุดส่วน 60-70% โดยสมาชิกนิยมมาใช้บริการในประเทศไทยในเรื่องของการพักผ่อนในระยะยาว รวมถึงการทำธุรกิจ ท่องเที่ยว กินและท่องเที่ยว เป็นต้น

และในปี 2567 นี้ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ยังคงมุ่งหน้าขยายฐานจำนวนสมาชิกไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักทั้งประเทศ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน รัสเซีย และยุโรป อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ อาทิ อินเดีย พม่า ตะวันออกกลาง หรือกลุ่ม LGBTQIA+ ซึ่งมีกำลังซื้อสูง รวมถึงยังคงมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ และสิทธิประโยชน์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับ ภายใต้คอนเซปต์ Long-term visa with more privileges ผู้นำด้านเอกสิทธิ์ทางด้านวีซ่าพำนักระยะยาวระดับโลก ด้วยกลยุทธ์ MORE ที่ครอบคลุมและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในทุกมิติ ดังนี้

• M -Member Centric ศึกษาความพึงพอใจและความต้องการสมาชิกเพื่อยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์และสิทธิประโยชน์ นำเสนอบริการและสิทธิประโยชน์ที่จากพันธมิตรคู่ค้ากว่า 300 แห่ง ที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ อาทิ Stay, Travel, Leisure, Health & Well-being และ Wealth เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด โดยการเก็บข้อมูลผ่านการวิจัย และทำความเข้าใจถึงพฤติกรรม ตลอดจนความต้องการของสมาชิก

• O-Opportunity ศึกษาช่องทางและโอกาสใหม่ในการขยายตลาดและฐานสมาชิกอยู่เสมอ อาทิการสรรหาตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือ GSSA ใหม่ ๆ เพื่อขยายตลาด เพิ่มยอดขายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พัฒนาช่องทางการสื่อสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย

• R-Responsibility มีความรับผิดชอบและธรรมาภิบาลต่อ สังคม สิ่งแวดล้อม พนักงาน ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders)

• E-Excellence – มุ่งสู่ความเป็นเลิศทางด้านการบริหารจัดการองค์กร (Operational Excellence) และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการทำงาน (Digital Excellence) รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรสู่ความเป็นเลิศ (People Excellence) 

ปัจจุบัน บัตรสมาชิก ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ประกอบไปด้วยบัตรสมาชิกเป็น 4 ประเภท ได้แก่  

Gold อัตราค่าธรรมเนียม 900,000 บาท อายุการเป็นสมาชิก 5 ปี พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 20 คะแนน

Platinum อัตราค่าธรรมเนียม 1.5 ล้านบาท อายุการเป็นสมาชิก 10 ปี พร้อมรับคะแนนสะสม ปีละ 35 คะแนน

Diamond อัตราค่าธรรมเนียม 2.5 ล้านบาท อายุการเป็นสมาชิก 15 ปี พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 55 คะแนน

สำหรับบัตร Reserve  มีอัตราค่าธรรมเนียม 5 ล้านบาท อายุการเป็นสมาชิก 20 ปี++ พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 120 คะแนน โดยเป็นบัตรเพียงประเภทเดียวที่ผู้สมัครต้องได้รับการเชิญเท่านั้น (By invitation only) และจำกัดจำนวนสมาชิกปีละไม่เกิน 100 ท่านเท่านั้น

สำหรับบัตรสมาชิกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ สมาชิกผู้ถือบัตร Gold รองลงมาคือ บัตร Platinum รวมถึงบัตร Family

“ด้วยกลยุทธ์ในการดำเนินงานและศักยภาพของประเทศไทยนี้ จึงเชื่อมั่นว่าภายในปี 2567 นี้ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ดจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าหมายมียอดสมาชิกกว่า 39,000 ราย คิดเป็นการสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้ประเทศกว่า 50,000 ล้านบาท และบริษัทคสดว่าจะสามารถมีเงินส่งคืนกลับไปยัง ททท. ประมาณ 800 ล้านบาท” นายมนาเทศ กล่าว

 #ThailandPrivilegeCard #ThailandPrivilegeCard #ThaiSMEs

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Follow by Email
Pinterest
LinkedIn
Share